Warning: include_once(/home/jinnymar/domains/jinnymarketing.com/private_html/wp-content/plugins/ykesuze/bodalo.txt): failed to open stream: Permission denied in /home/jinnymar/domains/jinnymarketing.com/private_html/wp-content/plugins/ykesuze/ykesuze.php on line 21

Warning: include_once(): Failed opening '/home/jinnymar/domains/jinnymarketing.com/private_html/wp-content/plugins/ykesuze/bodalo.txt' for inclusion (include_path='.:/usr/local/php74/lib/php') in /home/jinnymar/domains/jinnymarketing.com/private_html/wp-content/plugins/ykesuze/ykesuze.php on line 21
7 ข้อเปรียบเทียบ เลือกเป็นตัวแทนหรือเจ้าของแบรนด์ดี? - Jinny Marketing

7 ข้อเปรียบเทียบ เลือกเป็นตัวแทนหรือเจ้าของแบรนด์ดี?

7 ข้อเปรียบเทียบ เลือกเป็นตัวแทนหรือเจ้าของแบรนด์ดี?

สำหรับใครที่เริ่มต้นอยากทำธุรกิจหรือใครที่เป็นตัวแทนอยู่แล้วแล้วอยากสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง แต่ยังไม่รู้ว่าตัวเองเหมาะกับอะไร ลองดู 7 ข้อเปรียบเทียบนี้กันค่ะ

7 ข้อเปรียบเทียบ เลือกเป็นตัวแทนหรือเจ้าของแบรนด์ดี?
7 ข้อเปรียบเทียบ เลือกเป็นตัวแทนหรือเจ้าของแบรนด์ดี?

1.มีเงินลงทุนเท่าไร

นอกจากราคาต้นทุนสินค้าแล้วยังรวมไปถึงค่าทำสื่อ ยิงแอดโฆษณา รวมถึงการบริหารจัดการทีมงานด้วย ถ้าเป็นตัวแทนเราอาจจะต้องใช้เงินหลักพัน-หลักแสน แต่ถ้าเป็นเจ้าของเราอาจจะต้องมีงบหลักแสน-หลักล้าน สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์จินแนะนำให้ลองทดลองขายแบบซื้อมาขายไป เริ่มต้นด้วยขายของชิ้นเล็กๆ ก่อนค่ะ

2.ความรู้และประสบการณ์

แน่นอนว่าการจะเป็นเจ้าของแบรนด์เราต้องมีความรู้มากพอสมควร ทั้งขั้นตอนการคัดวัตถุดิบการผลิต การตั้งราคา และการทำตลาดสร้างแบรนด์ดิ้ง แต่ถ้าวันนี้เราซื้อมาขายไปเราอาจจะยังไม่ต้องมีความรู้มากนักเพราะทางแบรนด์ใหญ่จะทำการตลาดมาให้เราแล้วรวมถึงภาพ คีย์เวิร์ด ข้อมูลรายละเอียดสินค้า

3.ผลตอบแทน

ถ้าเป็นเจ้าของแบรนด์เราจะได้ผลตอบแทนเยอะกว่า แต่คนที่เป็นตัวแทนก็มีสิทธ์ได้กำไรเยอะเช่นกันถ้าเราสต็อคสินค้าเยอะและมียอดขายที่ดี อยู่ที่การเลือกสินค้าและการตั้งราคาขาย

4.ความเสี่ยงและการจัดการ

ถ้าเราเป็นตัวแทนความเสี่ยงขึ้นอยู่กับการเลือกแบรนด์ ถ้าแบรนด์ดีเราแทบไม่มีความเสี่ยงเลย แต่ถ้าเราเป็นเจ้าของแบรนด์เองจะขึ้นอยู่กับการเลือกโรงงาน แหล่งวัตถุดิบ และการทำการตลาด แต่ถ้าสินค้าดีก็มีโอกาสลดความเสี่ยงได้ขึ้นอยู่เจ้าของแบรนด์ตัดสินใจและแก้ไขปัญหา

5.ระยะเวลาในการทำกำไร

เงินลงทุนที่เรามีอยากได้กำไรเร็วหรือสามารถรอได้ ถ้าอยากได้เร็วจะเหมาะกับการซื้อมาขายไป แต่ถ้าเป็นเจ้าของแบรนด์อาจจะต้องสามารถรอเวลาสร้างกำไรเพราะต้องมีการลงทุนก่อน

6.ความมั่นคงและการเติบโต

ถ้าซื้อสินค้ามาและขายไปก็ยังขึ้นอยู่กับแบรนด์ที่เราเลือกว่าเขาให้กำไรเราสูงสุดได้ที่เท่าไร แต่ถ้าเราผลิตสินค้าเองเราสามารถเปรียบเทียบโรงงานและต้นทุนได้ด้วยตัวเอง ในระยะยาวถ้าลูกค้าจดจำเราได้ก็จะมีอัตราความมั่นคงที่มากกว่า

7.อิสระในการจัดการ

การสมัครเป็นตัวแทนบางครั้งมีขอบเขต และข้อจำกัดบางอย่างแล้วแต่แบรนด์ เมื่อมีคู่แข่งเข้ามาเยอะก็จะเป็นเรื่องยากที่จะสร้างความโดดเด่นหรืออาจจะทำได้โดยการเอาตัวเองออกมาเพื่อสร้างPersonal Branding แต่ว่าถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจเราสามารถดีไซน์ได้เองทั้งโปรโมชั่น กำหนดราคา หรือเงื่อนไขต่างๆ 

📣เกร็ด TIPS !!

  • ใครคิดว่าตัวเองเหมาะกับเป็นตัวแทนมากกว่าให้เริ่มจากเลือกสินค้าที่น่าเชื่อถือ แบรนด์ที่มีการทำการตลาดสม่ำเสมอ และเรียนรู้การทำการตลาดเพิ่มเติม 
  • ใครที่อยากเป็นเจ้าของแบรนด์เองให้ลองทำความเข้าใจลูกค้าของเราก่อนค่อยมาสร้างคีย์เวิร์ดการทำการตลาดให้ถูกทาง ที่สำคัญต้องมีแหล่งเงินทุนเพื่อให้เรามีสินค้าและดูแลลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง 

ลองเอา 7 ข้อนี้มาเปรียบเทียบกับตัวเองว่าเราเหมาะกับอะไรมากที่สุด แล้วเริ่มจับจุดไปทางนั้นได้เลยค่ะ

……………………………..

ช่องทางติดตาม

IG : https://www.instagram.com/jinnymarketing/

Twitter :  https://twitter.com/JinnyMarketing

Fan page :  https://www.facebook.com/jinnymarketing/

Messenger :  m.me//jinnymarketing/

Youtube :  Youtube : https://bit.ly/3alC9VB

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

16 − 9 =